โกจิเบอร์รี่เป็นชื่อของพืชชนิดหนึ่งในวงศ์ Lycium barbarum เป็นไม้พุ่มที่สามารถสูงได้ถึง 9’ มีลักษณะเหมือนไม้เถาที่มีหนามแหลม
ผลโกจิเบอร์รี่มีลักษณะเป็นรูปวงรี ขนาดเล็ก สีแดงสด โกจิเบอร์รี่นี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อที่แตกต่างกันไป เช่น วูฟเบอร์รี่ ผลจากสวรรค์ ผลอายุวัฒนะ ผลแห่งความสุข มาตริโมนี่ ไวอากร้าธรรมชาติ เพชรสีแดง รวมไปถึงทิเบเทียน บาร์บารี่ เป็นต้น
ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในโกจิเบอร์รี่
โกจิเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายจำนวนมาก อาทิเช่น โพลีซัคคาร์ไรด์ อะมิโน แอซิด กรดไขมันโอเมก้า ไลโนเลอิค แอซิด สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและเกลือแร่อีกจำนวนมาก โกจิเบอร์รี่ประกอบไปด้วยธาตุเหล็กมากกว่าผักโขมถึง 15 เท่า มีวิตามินซีสูงกว่าพืชที่มีรสเปรี้ยวและแบลกเคอเรนท์มาก มีแคโรทีนสูงกว่าแครอทและมีโปรตีนมากกว่ารอยัลเจลลี่อีกด้วย
ในผลโกจิเบอร์รี่ 100 กรัม ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 68% โปรตีน 13% ไขมัน 10% และไฟเบอร์อีก 10% ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าโกจิเบอร์รี่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้มากกว่าเนื้อสัตว์
สุดยอดเบอร์รี่ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ผลโกจิเบอร์รี่นอกจากจะมีรสชาติดีแล้ว ยังมีคุณประโยชน์อีกมหาศาลที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย ชาวทิเบตเป็นชนชาติแรกที่รู้จักและรับประทานผลโกจิเบอร์รี่นี้มานานนับหลายร้อยปีแล้ว
คุณประโยชน์ของผลโกจิเบอร์รี่ที่ส่งผลต่อสุขภาพ:
- ช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยยืดระยะเวลาความหิวออกไป
- ให้พลังงาน
- ฟื้นฟูการทำงานของหัวใจ
- กระตุ้นระบบการย่อย
- ช่วยเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำหนัก
- ลดความดันโลหิต
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
- ช่วยบำรุงสายตา
- กระตุ้นความต้องการทางเพศ
- ช่วยทำให้นอนหลบสนิทขึ้น
- ช่วยชะลอกระบวนการการเกิดริ้วรอย และกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิว
- ช่วยทำให้อายุยืน
- บำรุงสมอง ช่วยเพิ่มความจำ
- ป้องกันการเกิดมะเร็ง
วิธีการลดน้ำหนักด้วยผลเบอร์รี่นี้
แม้จะเป็นพืชที่มีแคลอรี่ค่อนข้างสูง (250 แคลอรี่) แต่ผลโกจิเบอร์รรี่นี้สามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากว่าแคลอรี่ที่คุณได้รับจะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน แต่จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานแทน
ถ้าคุณต้องการลดน้ำหนักส่วนเกินสัก 2-3 กิโลกรัม คุณจำเป็นต้องทานผลโกจิเบอร์รี่แห้งประมาณ 15 – 50 กรัมทุกวัน (จนกว่าคุณจะได้น้ำหนักที่คุณพอใจ) โดยสามารถแช่ผลโกจิเบอร์รี่แห้งในน้ำ ในโยเกิร์ต หรือแม้แต่ใส่ในข้าวต้มก็ได้ หรือถ้าคุณเป็นคนชอบทำอาหารก็สามารถปรุงอาหารจานใหม่จากผลโกจิเบอร์รี่ก็ได้ด้วยเช่นกัน การรับประทานอาหารที่หลากหลายจะช่วยให้คุณแบ่งสัดส่วนอาหารได้ง่ายขึ้น และยังทำให้การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่น่าสนุกขึ้นอีกด้วย
ไม่ควรรับประทานผลโกจิเบอร์รี่มากกว่าปริมาณที่กำหนดไว้ เพราะอาจจะก่อให้เกิดการแพ้หรือทำให้การย่อยอาหารปั่นป่วนได้
อาหารจานหลัก
ซุปทิเบเทียน บาร์บารี่
ตับ ( 100 กรัม) แช่ในน้ำ ใส่โกจิเบอร์รี่ ( 50 กรัม) ลงไป ต้มจนสุกได้ที เติมผักได้ตามชอบ เสิร์ฟพร้อมกับข้าว
อาหารจานหลักจานที่ 2
ข้าวต้ม
ข้าวกล้อง ( 230 กรัม) แช่ในน้ำ ( 460 มล.) เติมโกจิเบอร์รี่ ( 50 กรัม) ต้มจนข้าวสุก ไม่ควรเติมสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้นแม้แต่เกลือ
ข้าวโอ๊ต
นม (125 มล.) ต้มจนเดือด เติมข้าวโอ๊ต (50กรัม) และโกจิเบอร์รี่ ( 50 กรัม) ต้มให้เดือดหลาย ๆ นาที เติมน้ำตาล (แต่ไม่ควรเกิน 5 กรัม)
เนื้ออบ
เนื้อสัตว์ตามชอบ (500 กรัม) หัวหอมใหญ่ 1 ลูก พริกหยวก 1 ลูก แครอทขูด 1 หัว เติมโกจิเบอร์รี่ (20 กรัม) ผสมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ห่อด้วยฟอย์ด อบประมาณ 45 – 50 นาที
ของหวาน
สมูทตี้
ใส่โกจิเบอร์รี่ (50 กรัม) สตรอเบอร์รี่ 2-3 ลูกและกล้วย 1 ลูกลงในเครื่องปั่น ใส่โยเกิร์ตปราศจากไขมัน (250 มล.) ลงไป ปั่นให้เข้ากัน
เจลลี่
ผสมชาฮิบิสคัส (100 มล.) น้ำ (100 มล.) โกจิเบอร์รี่ (20 กรัม) และน้ำตาล (20 กรัม) เจลลาติน 1 ถูง แช่ในน้ำประมาณ 30 นาทีจนแผ่นเจลลาตินพองน้ำ หลังจากนั้นใส่ในน้ำเดือน ผสมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น
เครื่องดื่ม
เลิฟเบอร์รี่
โกจิเบอร์รี่ (20 กรัม) ต้มในน้ำ (250 มล.) ทิ้งไว้ 30 นาที แบ่งออกเป็น 2 ส่วน (ส่วนหนึ่งดื่มตอนเช้า ส่วนหนึ่งดื่มตอนเย็น)
อินฟิวชั่น
โกจิเบอร์รี่แห้ง (50 กรัม) แช่ในว๊อดก้า (ครึ่งลิตร) เก็บไว้ให้พ้นแสง 7 วัน ดื่มวันละ 2 ครั้ง (ส่วนหนึ่งดื่มตอนเช้า ส่วนหนึ่งดื่มตอนเย็น) ครั้งละ 25 มล.
จะรู้ได้อย่างไรว่าผลเบอร์รี่นี้จะเป็นอันตราย
ถึงแม้ว่าผลโกจิเบอร์รี่นี้จะมีประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อบ่งชี้ในการห้ามรับประทานอยู่บ้างประการ
โดยห้ามทานในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:
- เมื่อเกิดอาการแพ้
- อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
- ท้องอืด
- ตั้งครรภ์และให้นมบุตร